สารจากคณบดี

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มีพันธกิจด้านการศึกษา เพื่อผลิตบัณฑิต และบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ ส่งเสริมการวิจัย สร้างผลงานทางวิชาการโดยยึดหลักจริยธรรม คุณธรรมทางวิชาชีพ สอดคล้องกับนโยบายด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ ตลอดจนการให้บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัย มีคุณภาพตามหลักมาตรฐานสากล อีกทั้งเป็นผู้ชี้นำทางสังคม ด้านสุขภาพ ตลอดจนความรับผิดชอบต่อสังคมไทยในการพัฒนาคุณภาพชีวิต

ของประชาชนอย่างยั่งยืนสำหรับการดำเนินงานตามพันธกิจของคณะ ฯ นั้น ที่ผ่านมาคณะฯ ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐเพียงร้อยละ 20 ซึ่งไม่เพียงพอต่อการให้บริการในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการให้บริการผู้ป่วยซึ่งมีจำนวนมากที่มารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยยากไร้และด้อยโอกาสด้วยเหตุนี้คณะ ฯ จึงมีความจำเป็นต้องหารายได้เพิ่มอีกร้อยละ 80 เพื่อรองรับการดำเนินงานของคณะ ฯ ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ด้วยดีอย่างมีคุณภาพ ในการดำเนินงานนั้นส่วนหนึ่งคณะ ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย แสดงเจตนารมณ์ด้านการสละทรัพย์ เพื่อช่วยเหลือในด้านต่าง ๆด้วยดีเสมอมาโอกาสนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณและตอบแทนในน้ำใจอันประเสริฐ เป็นกุศลแต่ท่านทั้งหลาย คณะ ฯ จึงขอมอบสิทธิประโยชน์สำหรับผู้บริจาคตามระเบียบการสมนาคุณผู้อุปการะนี้ กระผม ในนามของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล รู้สึกทราบซึ้งในกุศลเจตนาของท่านทั้งหลายอันส่งผลต่อกิจการของคณะ ฯ และผู้ป่วยโรงพยาบาลศิริราชให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ สุดท้ายขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ตลอดจนอานิสงส์แห่งคุณความดีได้โปรดดลบันดาลน้อมนำส่งผลให้ท่าน และครอบครัวประสมความสุขปราศจากโรคาพยาธิ เจริญรุ่งเรืองสืบไป

สารจากคณบดี

คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มีพันธกิจด้านการศึกษา เพื่อผลิตบัณฑิต และบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ ส่งเสริมการวิจัย สร้างผลงานทางวิชาการโดยยึดหลักจริยธรรม คุณธรรมทางวิชาชีพ สอดคล้องกับนโยบายด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ ตลอดจนการให้บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัย มีคุณภาพตามหลักมาตรฐานสากล อีกทั้งเป็นผู้ชี้นำทางสังคม ด้านสุขภาพ ตลอดจนความรับผิดชอบต่อสังคมไทยในการพัฒนาคุณภาพชีวิต

ของประชาชนอย่างยั่งยืนสำหรับการดำเนินงานตามพันธกิจของคณะ ฯ นั้น ที่ผ่านมาคณะฯ ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐเพียงร้อยละ 20 ซึ่งไม่เพียงพอต่อการให้บริการในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการให้บริการผู้ป่วยซึ่งมีจำนวนมากที่มารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยยากไร้และด้อยโอกาสด้วยเหตุนี้คณะ ฯ จึงมีความจำเป็นต้องหารายได้เพิ่มอีกร้อยละ 80 เพื่อรองรับการดำเนินงานของคณะ ฯ ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ด้วยดีอย่างมีคุณภาพ ในการดำเนินงานนั้นส่วนหนึ่งคณะ ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย แสดงเจตนารมณ์ด้านการสละทรัพย์ เพื่อช่วยเหลือในด้านต่าง ๆด้วยดีเสมอมาโอกาสนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณและตอบแทนในน้ำใจอันประเสริฐ เป็นกุศลแต่ท่านทั้งหลาย คณะ ฯ จึงขอมอบสิทธิประโยชน์สำหรับผู้บริจาคตามระเบียบการสมนาคุณผู้อุปการะนี้ กระผม ในนามของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล รู้สึกทราบซึ้งในกุศลเจตนาของท่านทั้งหลายอันส่งผลต่อกิจการของคณะ ฯ และผู้ป่วยโรงพยาบาลศิริราชให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ สุดท้ายขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ตลอดจนอานิสงส์แห่งคุณความดีได้โปรดดลบันดาลน้อมนำส่งผลให้ท่าน และครอบครัวประสมความสุขปราศจากโรคาพยาธิ เจริญรุ่งเรืองสืบไป

ค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับการลดหย่อนตามระดับสิทธิประโยชน์

  1. ค่าห้องพัก
  2. ค่ารักษาพยาบาล ได้แก่ ค่าหัตถการ ค่าผ่าตัดค่าคลอดบุตร ค่าบริการวิสัญญี ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ ค่าตรวจทางรังสีวิทยา ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ทั่วไป และค่าบริการอื่นๆ (อ้างอิงตามรายการที่กรมบัญชีกลางกําหนดให้เบิกได้)
  3. ผู้อุปการะสิทธิ์ข้าราชการ ได้รับการลดหย่อนส่วนเกินเพดานสิทธิ์เฉพาะรายการที่กรมบัชญีกลางกำหนดให้เบิกได้
  4. รายการอื่นๆ ที่คณะฯ ประกาศเพิ่มเติมให้ผู้อุปการะได้รับการลดหย่อน

ค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ครอบครุมการได้รับการลดหย่อนตามระดับสิทธิประโยชน์

  1. การบริการรักษาพยาบาล ณ คลินิกพิเศษ
  2. ค่าพยาบาลพิเศษ
  3. ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ทั่วไป และค่าบริการอื่นๆที่เบิกไม่ได้ตารายการของกรมบัญชีกลาง
  4. ค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบําบัดรักษาโรค
  5. การตรวจพิเศษที่จำเป็นต้องส่งไปทําที่อื่น ที่ไม่มีบริการในคณะฯ
  6. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ใช่ค่ารักษาพยาบาล เช่น ค่าอาหาร ค่าโทรศัพท์ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำดื่ม

ผู้อุปการะคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาบาลจะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังต่อไปนี้

สิทธิประโยชน์การลดหย่อนค่ารักษาพยาบาล

ค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับการลดหย่อนตามระดับสิทธิประโยชน์

  1. ค่าห้องพัก
  2. ค่ารักษาพยาบาล ได้แก่ ค่าหัตถการ ค่าผ่าตัดค่าคลอดบุตร ค่าบริการวิสัญญี ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ ค่าตรวจทางรังสีวิทยา ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ทั่วไป และค่าบริการอื่นๆ (อ้างอิงตามรายการที่กรมบัญชีกลางกําหนดให้เบิกได้)
  3. ผู้อุปการะสิทธิ์ข้าราชการ ได้รับการลดหย่อนส่วนเกินเพดานสิทธิ์เฉพาะรายการที่กรมบัชญีกลางกำหนดให้เบิกได้
  4. รายการอื่นๆ ที่คณะฯ ประกาศเพิ่มเติมให้ผู้อุปการะได้รับการลดหย่อน

ค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ครอบครุมการได้รับการลดหย่อนตามระดับสิทธิประโยชน์

  1. การบริการรักษาพยาบาล ณ คลินิกพิเศษ
  2. ค่าพยาบาลพิเศษ
  3. ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ทั่วไป และค่าบริการอื่นๆที่เบิกไม่ได้ตารายการของกรมบัญชีกลาง
  4. ค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบําบัดรักษาโรค
  5. การตรวจพิเศษที่จำเป็นต้องส่งไปทําที่อื่น ที่ไม่มีบริการในคณะฯ
  6. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ใช่ค่ารักษาพยาบาล เช่น ค่าอาหาร ค่าโทรศัพท์ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำดื่ม

ผู้อุปการะคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาบาลจะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังต่อไปนี้

สิทธิประโยชน์การลดหย่อนค่ารักษาพยาบาล

ประเภทผู้อุปการะ ผู้รับสิทธิ์ การลดหย่อนค่ารักษาพยาบาล
(ร้อยละของจำนวนเงินที่จ่ายจริง)
ระยะเวลา
ผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน
1) ผู้บริจาคสามัญ
บริจาคตั้งแต่ 500,000 บาท
แต่ไม่ถึง 2,000,000 บาท
ตนเอง 15 15 ตลอดชีพ
2) ผู้บริจาควิสามัญ
บริจาคตั้งแต่ 2,000,000 บาท
แต่ไม่ถึง 10,000,000 บาท
ตนเอง 20 25 ตลอดชีพ
3) ผู้บริจาคกิตติมศักดิ์ 1
บริจาคตั้งแต่ 10,000,000 บาท
แต่ไม่ถึง 20,000,000 บาท
ตนเองและ
ผู้อุปการะสมทบ
30 35 ตลอดชีพ
ของผู้อุปการะ
4) ผู้บริจาคกิตติมศักดิ์ 2
บริจาคตั้งแต่ 20,000,000 บาท
แต่ไม่ถึง 40,000,000 บาท
ตนเองและ
ผู้อุปการะสมทบ
35 40 ตลอดชีพ
ของผู้อุปการะ
5) ผู้บริจาคกิตติมศักดิ์ 3
บริจาคตั้งแต่ 40,000,000 บาท
แต่ไม่ถึง 50,000,000 บาท
ตนเองและ
ผู้อุปการะสมทบ
50 50 ตลอดชีพ
ของผู้อุปการะ
6) ผู้บริจาคกิตติมศักดิ์พิเศษ
บริจาคตั้งแต่ 50,000,000 บาทขึ้นไป
ตนเองและ
ผู้อุปการะสมทบ
100 100 ตลอดชีพ
ของผู้อุปการะ

ระเบียบการลดหย่อน ค่ารักษาพยาบาล และสิทธิประโยชน์อื่นๆ

  1. ผู้อุปการะสามารถใช้สิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาล 3 แห่งนี้
    1. โรงพยาบาลศิริราช
    2. ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก
    3. ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุศิริราช
  2. สิทธิประโยชน์ของผู้อุปการะ จะเริ่มภายหลังจากการบริจาคแล้ว
  3. หากประสงค์จะยกสิทธิประโยชน์ให้ผู้อื่น ผู้บริจาคต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะฯ ภายใน 30 วัน นับจากวันที่บริจาคครบสิทธิ์ มิฉะนั้นจะถือว่าผู้บริจาศเป็นผู้ได้รับสิทธิ์
  4. หากประสงค์แต่งตั้งผู้อุปการะสมทบ ผู้บริจาคต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะฯ ภายใน 90 วันนับจากวันที่ยื่นเรื่องขอแต่งตั้งเป็นผู้อุปการะหลัก หากเกินระยะเวลาที่กำหนด จะถือว่าผู้บริจาคสละสิทธิ์ในการแต่งตั้งผู้อุปการะสมทบ
  5. ผู้บริจาคที่ดิน สี่งของ หรือทรัพย์สินให้แก่คณะฯ ซึ่งยังไม่สามารถนําไปใช้ประโยชน์ได้ทันที จะได้รับสิทธิประโยชน์เฉพาะตัวผู้บริจาคเท่านั้น
  6. สิทธิประโยชน์ของผู้อุปการะหรือผู้อุปการะสมทบถือเป็นสิทธิเฉพาะตัว จะสิ้นสุดลง เมื่อผู้อุปการะเสียชีวิต และสิทธิประโยชน์ในกรณีนี้ ไม่สามารถโอนต่อให้บุคลอื่นได้
  7. ผู้อุปการะทุกประเภทที่ได้รับการแต่งตั้งก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ยังคงมีฐานะของผู้อุปการะตามเดิมแต่ให้ใช้สิทธิ์การลดหย่อนค่ารักษาพยาบาลตามประกาศฉบับนี้
  8. กรณีที่ผู้อุปการะมีสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลอื่นๆ เช่น สิทธิต้นสังกัดจากหน่วยงานต่างๆ สิทธิประกันสังคม สิทธิโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สิทธิประกันชีวิต สิทธิพระราชบัญญัติผู้ประสบภัยแห่งชาติ ให้พิจารณาใช้สิทธิ์ดังกล่าวก่อนแล้วจึงใช้สิทธิ์ผู้อุปการะตามประกาศนี้
  9. กรณีที่ได้สิทธิ์จากคณะฯ เกินกว่าหนึ่งสิทธิ์ให้เลือกใช้เพียงสิทธิ์เดียวเท่านั้น
  10. คณะฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงสิทธิประโยชน์ตามประกาศฉบับนี้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้อุปการะหรือผู้อุปการะสมทบทราบล่วงหน้า

สิทธิประโยชน์การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างขึ้น สําหรับพระราชทานแก่ผู้กระทำความดีความชอบ อันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ โดยแบ่งเป็น 7 ลําดับชั้น ดังนี้

ลำดับชั้น เครื่องราชอิสริยาภรณ์ มูลค่าทรัพย์สินที่บริจาค
ชั้นที่ 1 ปฐมดิเรกคุณาภรณ์ (ป.ภ.) 30,000,000 บาทขึ้นไป
ชั้นที่ 2 ทุติยดิเรกคุณาภรณ์ (ท.ภ.) 14,000,000 บาทขึ้นไป
ชั้นที่ 3 ตติยดิเรกคุณาภรณ์ (ต.ภ.) 6,000,000 บาทขึ้นไป
ชั้นที่ 4 จตุถดิเรกคุณาภรณ์ (จ.ภ.) 1,500,000 บาทขึ้นไป
ชั้นที่ 5 เบญจมดิเรกคุณาภรณ์ (บ.ภ.) 500,000 บาทขึ้นไป
ชั้นที่ 6 เหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ (ร.ท.ภ.) 200,000 บาทขึ้นไป
ชั้นที่ 7 เหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ (ร.ซ.ภ.) 100,000 บาทขึ้นไป

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างขึ้น สําหรับพระราชทานแก่ผู้กระทําความดีความชอบ อันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ โดยแบ่งเป็น 7 ลําดับชั้น

ประเภทผู้อุปการะ ผู้รับสิทธิ์ การลดหย่อนค่ารักษาพยาบาล
(ร้อยละของจำนวนเงินที่จ่ายจริง)
ระยะเวลา
ผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน
1) ผู้บริจาคสามัญ
บริจาคตั้งแต่ 500,000 บาท
แต่ไม่ถึง 2,000,000 บาท
ตนเอง 15 15 ตลอดชีพ
2) ผู้บริจาควิสามัญ
บริจาคตั้งแต่ 2,000,000 บาท
แต่ไม่ถึง 10,000,000 บาท
ตนเอง 20 25 ตลอดชีพ
3) ผู้บริจาคกิตติมศักดิ์ 1
บริจาคตั้งแต่ 10,000,000 บาท
แต่ไม่ถึง 20,000,000 บาท
ตนเองและ
ผู้อุปการะสมทบ
30 35 ตลอดชีพ
ของผู้อุปการะ
4) ผู้บริจาคกิตติมศักดิ์ 2
บริจาคตั้งแต่ 20,000,000 บาท
แต่ไม่ถึง 40,000,000 บาท
ตนเองและ
ผู้อุปการะสมทบ
35 40 ตลอดชีพ
ของผู้อุปการะ
5) ผู้บริจาคกิตติมศักดิ์ 3
บริจาคตั้งแต่ 40,000,000 บาท
แต่ไม่ถึง 50,000,000 บาท
ตนเองและ
ผู้อุปการะสมทบ
50 50 ตลอดชีพ
ของผู้อุปการะ
6) ผู้บริจาคกิตติมศักดิ์พิเศษ
บริจาคตั้งแต่ 50,000,000 บาทขึ้นไป
ตนเองและ
ผู้อุปการะสมทบ
100 100 ตลอดชีพ
ของผู้อุปการะ

ระเบียบการลดหย่อน ค่ารักษาพยาบาล และสิทธิประโยชน์อื่นๆ

  1. ผู้อุปการะสามารถใช้สิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาล 3 แห่งนี้
    1. โรงพยาบาลศิริราช
    2. ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก
    3. ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุศิริราช
  2. สิทธิประโยชน์ของผู้อุปการะ จะเริ่มภายหลังจากการบริจาคแล้ว
  3. หากประสงค์จะยกสิทธิประโยชน์ให้ผู้อื่น ผู้บริจาคต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะฯ ภายใน 30 วัน นับจากวันที่บริจาคครบสิทธิ์ มิฉะนั้นจะถือว่าผู้บริจาศเป็นผู้ได้รับสิทธิ์
  4. หากประสงค์แต่งตั้งผู้อุปการะสมทบ ผู้บริจาคต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะฯ ภายใน 90 วันนับจากวันที่ยื่นเรื่องขอแต่งตั้งเป็นผู้อุปการะหลัก หากเกินระยะเวลาที่กำหนด จะถือว่าผู้บริจาคสละสิทธิ์ในการแต่งตั้งผู้อุปการะสมทบ
  5. ผู้บริจาคที่ดิน สี่งของ หรือทรัพย์สินให้แก่คณะฯ ซึ่งยังไม่สามารถนําไปใช้ประโยชน์ได้ทันที จะได้รับสิทธิประโยชน์เฉพาะตัวผู้บริจาคเท่านั้น
  6. สิทธิประโยชน์ของผู้อุปการะหรือผู้อุปการะสมทบถือเป็นสิทธิเฉพาะตัว จะสิ้นสุดลง เมื่อผู้อุปการะเสียชีวิต และสิทธิประโยชน์ในกรณีนี้ ไม่สามารถโอนต่อให้บุคลอื่นได้
  7. ผู้อุปการะทุกประเภทที่ได้รับการแต่งตั้งก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ยังคงมีฐานะของผู้อุปการะตามเดิมแต่ให้ใช้สิทธิ์การลดหย่อนค่ารักษาพยาบาลตามประกาศฉบับนี้
  8. กรณีที่ผู้อุปการะมีสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลอื่นๆ เช่น สิทธิต้นสังกัดจากหน่วยงานต่างๆ สิทธิประกันสังคม สิทธิโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สิทธิประกันชีวิต สิทธิพระราชบัญญัติผู้ประสบภัยแห่งชาติ ให้พิจารณาใช้สิทธิ์ดังกล่าวก่อนแล้วจึงใช้สิทธิ์ผู้อุปการะตามประกาศนี้
  9. กรณีที่ได้สิทธิ์จากคณะฯ เกินกว่าหนึ่งสิทธิ์ให้เลือกใช้เพียงสิทธิ์เดียวเท่านั้น
  10. คณะฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงสิทธิประโยชน์ตามประกาศฉบับนี้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้อุปการะหรือผู้อุปการะสมทบทราบล่วงหน้า

สิทธิประโยชน์การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างขึ้น สําหรับพระราชทานแก่ผู้กระทำความดีความชอบ อันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ โดยแบ่งเป็น 7 ลําดับชั้น ดังนี้

ลำดับชั้น เครื่องราชอิสริยาภรณ์ มูลค่าทรัพย์สินที่บริจาค
ชั้นที่ 1 ปฐมดิเรกคุณาภรณ์ (ป.ภ.) 30,000,000 บาทขึ้นไป
ชั้นที่ 2 ทุติยดิเรกคุณาภรณ์ (ท.ภ.) 14,000,000 บาทขึ้นไป
ชั้นที่ 3 ตติยดิเรกคุณาภรณ์ (ต.ภ.) 6,000,000 บาทขึ้นไป
ชั้นที่ 4 จตุถดิเรกคุณาภรณ์ (จ.ภ.) 1,500,000 บาทขึ้นไป
ชั้นที่ 5 เบญจมดิเรกคุณาภรณ์ (บ.ภ.) 500,000 บาทขึ้นไป
ชั้นที่ 6 เหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ (ร.ท.ภ.) 200,000 บาทขึ้นไป
ชั้นที่ 7 เหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ (ร.ซ.ภ.) 100,000 บาทขึ้นไป

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างขึ้น สําหรับพระราชทานแก่ผู้กระทําความดีความชอบ อันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ โดยแบ่งเป็น 7 ลําดับชั้น